เวียดนามก็มีทะเลทราย

     บินแค่ชั่วโมงเศษจากกรุงเทพมหานคร สู่ กรุงโฮจิมินห์ ซิตี้และนั่งรถต่อไปอีกราว 5 ชั่วโมง มุ่งหน้าสู่ฟานเกียต ที่อยู่ห่างจากกรุงโฮจิมินห์ ซิตี้ไปประมาณ 200 กิโลเมตร นับว่าสะดวกสบายมากทีเดียวเมื่อเที่ยบกับต้องเดินทางไกลไปดูทะเลทรายถึงตะวันออกกลางโน่น

     มุยเน่เป็นส่วนที่ยื่นที่สุดของเวียดนาม (ถ้าดูตามแผนที่) คำว่า มุยเน่นั้นแปลได้ว่า จมูก หมายถึง แผ่นดินที่ยื่นออกไปสู่ท้องทะเลมากที่สุดนั่นเอง ไกด์ชาวเวียดนามเล่าว่า แต่ก่อนมุยเน่เป็นแค่หมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ที่แห้งแล้ง จนเมื่อ 10 กว่าปีก่อนได้มีการค้นพบทะเลทราย จึงทำให้หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้เริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มคนเวียดนามเอง รัฐบาลได้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยว ให้มีการตัดถนนไปถึงทะเลทรายทั้ง 2 แห่ง และในเวลาต่อมาจึงเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ ทำให้ปัจจุบันนี้นักท่องเที่ยวต่างพากันแห่แหนไปชมทะเลทรายแห่งเมืองมุยเน่มากขึ้น

     ทะเลทรายมุยเน่ หรือที่รู้จักกันว่าทะเลทราย 2 สี เรียกตามสีของทรายที่แตกต่างกัน คือสีขาวและสีแดง ทะเลทรายผืนแรก “ทะเลทรายแดง” ที่เกิดจากสนิมเหล็ก จนทำให้ทรายเป็นสีแดงไปสุดลูกหูลูกตา ไม่ไกลกันนั้นก็เป็นทะเลทรายอีกแห่ง สีของทรายออกเป็นสีขาวนวลๆ เป็นที่มาของชื่อ “ทะเลทรายขาว” ความพิเศษของทะเลทรายขาวนั้นคือ สีจะเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาของวัน เช้าตรู่ตอนพระอาทิตย์ขึ้นก็จะมองเห็นทะเลทรายทั้งผืนเป็นสีทองอร่าม สายหน่อยก็จะมองเห็นทะเลทรายเป็นสีขาวสมชื่อ และเมื่อตอนเย็นพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า แสงอาทิตย์ก็จะฉาบทะเลทรายทั้งผืนให้มองเห็นเป็นสีทองอร่ามอีกครั้ง ความพิเศษอีกอย่างของทะเลทรายสีขาวนั้นคือ ขณะที่พื้นที่โดยรอบที่มองเห็นสุดลูกหูลูกตาคือเนินทรายสีขาว เนื้อละเอียด ซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ แต่ใกล้ๆ กันนั้นกลับมีบึงน้ำจืด เสมือนเป็นโอเอซิสขนาดใหญ่อยู่กลางทะเลทราย

     มาที่ทะเลทรายมุยเน่ นอกจากเพลิดเพลินไปกับการกดชัตเตอร์แบบไม่ยั้งกับความงามของภูมิทัศน์แล้ว ยังมีกิจกรรมอีกอย่างที่ไม่ควรพลาด ก็คือการเล่นสไลเดอร์ลงจากเนินทราย ที่น่าหวาดเสียว เรียกเสีงกรี๊ดกร๊าดตลอดเวลา หรือจะเลือกขับรถเอทีวีลุยทะเลทรายก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เหมาะสำหรับนักผจญภัยได้ดีเลยทีเดียว


ขอขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสารเที่ยวรอบโลก